วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 10




บันทึกอนุทินครั้งที่ 10
รายวิชา : (EAED3214) การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
                Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
ผู้สอน : อาจารย์ ตฤณ แจ่มถิน
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม  พ.ศ. 2559
เวลา 08.30 - 12.30 น.



การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย




รูปแบบการจัดการศึกษา
      •  การศึกษาปกติทั่วไป (Regular Education)
      •  การศึกษาพิเศษ (Special Education)
      •  การศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
      •  การศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)

การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
      •  เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา

ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
      •  การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป
      •  มีกิจกรรมที่ให้เด็กพิเศษกับเด็กทั่วไปได้ทำร่วมกัน
      •  ใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวัน
      •  ครูปฐมวัยและครูการศึกษาพิเศษร่วมมือกัน

การเรียนร่วมบางเวลา (Integration)
      •  การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา
      •  เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ
      •  เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้

การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming)      •  การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน
      •  เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
      •  มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กเข้าใจซึ่งกันและกัน ตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
      •  เด็กปกติจะยอมรับความหลากหลายของมนุษย์ เข้าใจว่าคนเราเกิดมาไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่าง ท่ามกลางความแตกต่างกัน มนุษย์เราต้องการความรัก ความสนใจ ความเอาใจใส่เช่นเดียวกันทุกคน

ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม  (Inclusive Education)
      •  การศึกษาสำหรับทุกคน
      •  รับเด็กเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษา
      •  จัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล

Wilson , 2007
      •  การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก
      •  การสอนที่ดี เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน
      •  กิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี (Good Teaching) ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้
      •  เป็นการกำหนดทางเลือกหลายๆ ทาง

"Inclusive Education is Education for all, 
It involves receiving people 
at the beginning of their education, 
with provision of additional services 
needed by each individual"

          สรุปความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
                  •  เป็นการจัดการศึกษาที่จัดให้เด็กพิเศษเข้ามาเรียนรวมกับเด็กปกติ โดยรับเข้ามาเรียนรวมกัน ตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษาและจัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
                  •  เด็กพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา
                  •  เกิดจากปรัชญาการศึกษาที่กล่าวไว้ว่า การศึกษาสำหรับทุกคน (Education for All)
                  • การเรียนรวม เป็นแนวคิดทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเด็กคนใดเป็นเด็กปกติ หรือเด็กคนใดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
                  •  เด็กเลือกโรงเรียนไม่ใช่โรงเรียนเลือกเด็ก
                  •  เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียนทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้ และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม และดำเนินการเรียนในลักษณะ “รวมกัน” ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคม ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน
                  •  ทุกคนยอมรับว่ามี ผู้พิการ อยู่ในสังคมและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติ โดยไม่มีการแบ่งแยก

          ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
                  •  ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้ 
                  •  “สอนได้”
                  •  เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด

          บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม

ครูไม่ควรวินิจฉัย
      •  การวินิจฉัย หมายถึงการตัดสินใจโดยดูจากอาการหรือสัญญาณบางอย่าง
      •  จากอาการที่แสดงออกมานั้นอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดได้
ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก
      •  เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
      •  ชื่อเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป
      •  เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ
      •  พ่อแม่ของเด็กพิเศษ มักทราบดีว่าลูกของเขามีปัญหา
      •  พ่อแม่ไม่ต้องการให้ครูมาย้ำในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว
      •  ครูควรพูดในสิ่งที่เป็นความคาดหวังในด้านบวก แต่ต้องไม่ให้เกิดความหวังผิดๆ
      •  ครูควรรายงานผู้ปกครองว่าเด็กทำอะไรได้บ้าง เท่ากับเป็นการบอกว่าเด็กทำอะไรไม่ได้
      •  ครูช่วยให้ผู้ปกครองมีความหวังและเห็นแนวทางที่จะช่วยให้เด็กพัฒนา
ครูทำอะไรบ้าง
      •  ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ
      •  ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย
      •  สังเกตเด็กอย่างมีระบบ
      •  จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ
สังเกตอย่างมีระบบ
      •  ไม่มีใครสามารถสังเกตอย่างมีระบบได้ดีกว่าครู
      •  ครูเห็นเด็กในสถานการณ์ต่างๆ ช่วงเวลายาวนานกว่า
      •  ต่างจากแพทย์ นักจิตวิทยา นักคลินิก มักมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัญหา
การตรวจสอบ
      •  จะทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร
      •  เป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูและพ่อแม่เข้าใจเด็กดีขึ้น
      •  บอกได้ว่าเรื่องใดบ้างที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ
ข้อควรระวังในการปฏิบัติ
      •  ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้
      •  ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้
      •  พฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป
การบันทึกการสังเกต
      •  การนับอย่างง่ายๆ
      •  การบันทึกต่อเนื่อง
      •  การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
การนับอย่างง่ายๆ 
      •  นับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรม
      •  กี่ครั้งในแต่ละวัน กี่ครั้งในแต่ละชั่วโมง
      •  ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม
การบันทึกต่อเนื่อง
      •  ให้รายละเอียดได้มาก
      •  เขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง หรือช่วงกิจกรรมหนึ่ง
      •  โดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำช่วยเหลือ
การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
      •  บันทึกลงบัตรเล็กๆ
      •  เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง
การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป
      •  ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่อง มากกว่าชนิดองความบกพร่อง
      •  พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคน ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ
การตัดสินใจ
      •  ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง
      •  พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่


ทักษะ (Skills)

           -  การสังเคราะห์ข้อมูลความรู้
           -  การคิดและวิเคราะห์
           - การตั้งคำถามและตอบคำถาม
           - ประเมินความรู้ที่ได้รับ

การประยุกต์ใช้ (Application)

          การเรียนในครั้งนี้สามารถนำไปใช้ได้ในอนาคตเพื่อเป็นแบบบการจัดห้องเรียนแบบต่างๆในเหมาะสมกับเด็ก
เทคนิคการสอน (Technical Education)

          -  อาจารย์ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการจัดการเรียนกาารสอน
          -  อาจารย์ใช้คำถาม ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อการกระตุ้นให้เด็กเกิดการตื่นตัวอยู่เสมอ
          -  ใช้สื่อและเทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน

การประเมิน (Evaluation)

Self  :  จดบันทึกตามความรู้ที่ได้รับ และร่วมตอบคำถามในชั้นเรียน

Friends  : ร่วมกันตอบคำถาม สนใจในบทเรียน  ให้ความร่วมมือเมื่ออาจารย์ถามคำถาม

Teacher  : สอนตรงประเด็นการศึกษา และเข้าใจง่าย ตรงต่อเวลา เตรียมความพร้อมสำหรับแผนการสอนมาล่วงเป็นอย่างดี






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น