บันทึกอนุทินครั้งที่ 7
รายวิชา : (EAED3214) การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
ผู้สอน : อาจารย์ ตฤณ แจ่มถิน
เมื่อวันที่ 09 มีนาคม พ.ศ. 2559
เวลา 08.30 - 12.30 น.
ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
• แสดงออกถึงความต้องการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
• มีความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ
• เด็กที่มีการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกตินาน ๆ ไม่ได้
• เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตนเองไม่ได้
• ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
• ความวิตกกังวล (Anxiety) ซึ่งทำให้เด็กมีนิสัยขี้กลัว
• ภาวะซึมเศร้า (Depression) มีความเศร้าในระดับที่สูงเกินไป
• ปัญหาทางสุขภาพ และขาดแรงกระตุ้นหรือความหวังในชีวิต
การจำแนกเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ ตามกลุ่มอาการ
ด้านความประพฤติ (Conduct Disorders)
• ทำร้ายผู้อื่น ทำลายสิ่งของ ลักทรัพย์
• ฉุนเฉียวง่าย หุนหันพลันแล่น และเกรี้ยวกราด
• กลับกลอก เชื่อถือไม่ได้ ชอบโกหก ชอบโทษผู้อื่น
• เอะอะและหยาบคาย
• หนีเรียน รวมถึงหนีออกจากบ้าน
• ใช้สารเสพติด
• หมกมุ่นในกิจกรรมทางเพศ
ด้านความตั้งใจและสมาธิ (Attention and Concentration)
• จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระยะสั้น (Short attention span) อาจไม่เกิน 20 วินาที
• ถูกสิ่งต่างๆ รอบตัวดึงความสนใจได้ตลอดเวลา
• งัวเงีย ไม่แสดงความสนใจใดๆ รวมถึงมีท่าทางเหมือนไม่ฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูด
สมาธิสั้น (Attention Deficit)
• มีลักษณะกระวนกระวาย ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้ หยุกหยิกไปมา
• พูดคุยตลอดเวลา มักรบกวนหรือเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น
• มีทักษะการจัดการในระดับต่ำ
การถอนตัวหรือล้มเลิก (Withdrawal)
• หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และมักรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น
• เฉื่อยชา และมีลักษณะคล้ายเหนื่อยตลอดเวลา
• ขาดความมั่นใจ ขี้อาย ขี้กลัว ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก
ความผิดปกติในการทำงานของร่างกาย (Function Disorder)
• ความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน (Eating Disorder)
• การอาเจียนโดยสมัครใจ (Voluntary Regurgitation)
• การปฏิเสธที่จะรับประทาน
• รับประทานสิ่งที่รับประทานไม่ได้
• โรคอ้วน (Obesity)
• ความผิดปกติของการขับถ่ายทั้งอุจจาระและปัสสาวะ (Elimination Disorder)
• หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และมักรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น
• เฉื่อยชา และมีลักษณะคล้ายเหนื่อยตลอดเวลา
• ขาดความมั่นใจ ขี้อาย ขี้กลัว ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก
ความผิดปกติในการทำงานของร่างกาย (Function Disorder)
• ความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน (Eating Disorder)
• การอาเจียนโดยสมัครใจ (Voluntary Regurgitation)
• การปฏิเสธที่จะรับประทาน
• รับประทานสิ่งที่รับประทานไม่ได้
• โรคอ้วน (Obesity)
• ความผิดปกติของการขับถ่ายทั้งอุจจาระและปัสสาวะ (Elimination Disorder)
ภาวะความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ระดับรุนแรง • ขาดเหตุผลในการคิด
• อาการหลงผิด (Delusion)
• อาการประสาทหลอน (Hallucination)
• พฤติกรรมการทำร้ายตัวเอง
สาเหตุ
• ปัจจัยทางชีวภาพ (Biology)
• ปัจจัยทางจิตสังคม (Psychosocial)
ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเด็ก • ไม่สามารถเรียนหนังสือได้เช่นเด็กปกติ
• รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือกับครูไม่ได้
• มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน
• มีความคับข้องใจ มีความเก็บกดอารมณ์
• แสดงอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
• มีความหวาดกลัว
เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก
• เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit and Hyperactivity Disorders)
• เด็กออทิสติก (Autistic) หรือ ออทิสซึ่ม (Autisum)
เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit Hyperactivity) หรือ ADHD
ADHD เป็นภาวะผิดปกติทางจิตเวช มีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประการ คือ • Inattentiveness
• Hyperactivity
• Impulsiveness
Inattentiveness (สมาธิสั้น) • ทำอะไรได้ไม่นาน วอกแวก ไม่มีสมาธิ
• ไม่สามารถจดจ่อกับงานที่กำลังทำได้นานเพียงพอ
• มักใจลอยหรือเหม่อลอยง่าย
• เด็กเล็กๆจะเล่นอะไรได้ไม่นาน เปลี่ยนของเล่นไปเรื่อยๆ
• เด็กโตมักทำงานไม่เสร็จตามที่สั่ง ทำงานตกหล่น ไม่ครบ ไม่ละเอียด
Hyperactivity (ซนอยู่ไม่นิ่ง) • ซุกซนไม่ยอมอยู่นิ่ง ซนมาก
• เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
• เหลียวซ้ายแลขวา
• ยุกยิก แกะโน่นเกานี่
• อยู่ไม่สุข ปีนป่าย
• นั่งไม่ติดที่
• ชอบคุยส่งเสียงดังรบกวนคนรอบข้าง
Impulsiveness (หุนหันพลันแล่น) • ยับยั้งตัวเองไม่ค่อยได้ มักทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด วู่วาม
• ขาดความยับยั้งชั่งใจ
• ไม่อดทนต่อการรอคอย หรือกฎระเบียบ
• ไม่อยู่ในกติกา
• ทำอะไรค่อนข้างรุนแรง
• พูดโพล่ง ทะลุกลางปล้อง
• ไม่รอคอยให้คนอื่นพูดจบก่อน ชอบมาสอดแทรกเวลาคนอื่นคุยกัน
สาเหตุ
• ความผิดปกติของสารเคมีบางชนิดในสมอง เช่น โดปามีน (dopamine) นอร์อิพิเนฟริน (norepinephrine)
• ความผิดปกติในการทำงานของวงจรที่ควบคุมสมาธิ และการตื่นตัว อยู่ที่สมองส่วนหน้า (frontal cortex)
• พันธุกรรม
• สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสมาธิสั้น
• สมาธิสั้น ไม่ได้เกิดจากความผิดของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกผิดวิธี ตามใจมากเกินไป หรือปล่อยปละละเลยจนเกินไป และไม่ใช่ความผิดของเด็กที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แต่ปัญหาอยู่ที่การทำงานของสมองที่ควบคุมเรื่องสมาธิของเด็ก
• Hyperactivity
• Impulsiveness
Inattentiveness (สมาธิสั้น) • ทำอะไรได้ไม่นาน วอกแวก ไม่มีสมาธิ
• ไม่สามารถจดจ่อกับงานที่กำลังทำได้นานเพียงพอ
• มักใจลอยหรือเหม่อลอยง่าย
• เด็กเล็กๆจะเล่นอะไรได้ไม่นาน เปลี่ยนของเล่นไปเรื่อยๆ
• เด็กโตมักทำงานไม่เสร็จตามที่สั่ง ทำงานตกหล่น ไม่ครบ ไม่ละเอียด
Hyperactivity (ซนอยู่ไม่นิ่ง) • ซุกซนไม่ยอมอยู่นิ่ง ซนมาก
• เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
• เหลียวซ้ายแลขวา
• ยุกยิก แกะโน่นเกานี่
• อยู่ไม่สุข ปีนป่าย
• นั่งไม่ติดที่
• ชอบคุยส่งเสียงดังรบกวนคนรอบข้าง
Impulsiveness (หุนหันพลันแล่น) • ยับยั้งตัวเองไม่ค่อยได้ มักทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด วู่วาม
• ขาดความยับยั้งชั่งใจ
• ไม่อดทนต่อการรอคอย หรือกฎระเบียบ
• ไม่อยู่ในกติกา
• ทำอะไรค่อนข้างรุนแรง
• พูดโพล่ง ทะลุกลางปล้อง
• ไม่รอคอยให้คนอื่นพูดจบก่อน ชอบมาสอดแทรกเวลาคนอื่นคุยกัน
สาเหตุ
• ความผิดปกติของสารเคมีบางชนิดในสมอง เช่น โดปามีน (dopamine) นอร์อิพิเนฟริน (norepinephrine)
• ความผิดปกติในการทำงานของวงจรที่ควบคุมสมาธิ และการตื่นตัว อยู่ที่สมองส่วนหน้า (frontal cortex)
• พันธุกรรม
• สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสมาธิสั้น
• สมาธิสั้น ไม่ได้เกิดจากความผิดของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกผิดวิธี ตามใจมากเกินไป หรือปล่อยปละละเลยจนเกินไป และไม่ใช่ความผิดของเด็กที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แต่ปัญหาอยู่ที่การทำงานของสมองที่ควบคุมเรื่องสมาธิของเด็ก
ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ • อุจจาระ ปัสสาวะรดเสื้อผ้า หรือที่นอน
• ยังติดขวดนม หรือตุ๊กตา และของใช้ในวัยทารก
• ดูดนิ้ว กัดเล็บ
• หงอยเหงาเศร้าซึม การหนีสังคม
• เรียกร้องความสนใจ
• อารมณ์หวั่นไหวง่ายต่อสิ่งเร้า
• ขี้อิจฉาริษยา ก้าวร้าว
• ฝันกลางวัน
• พูดเพ้อเจ้อ
9. เด็กพิการซ้อน (Children with Multiple Handicaps)
• เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่าหนึ่งอย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก
• เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน
• เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด
• เด็กที่ทั้งหูหนวกและตาบอด
ทักษะ (Skills)
- การสังเคราะห์ข้อมูลความรู้
- การคิดและวิเคราะห์
- การตั้งคำถามและตอบคำถาม
- ประเมินความรู้ที่ได้รับ
การประยุกต์ใช้ (Application)
หากอนาคตได้มีโอกาสสอนเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ก็จะนำความรู้ในครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนรู้ให้เหมาสมตามวัยของเด็กได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพที่สุด
เทคนิคการสอน (Technical Education)
- อาจารย์ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการจัดการเรียนกาารสอน
- อาจารย์ใช้คำถาม ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อการกระตุ้นให้เด็กเกิดการตื่นตัวอยู่เสมอ
- ใช้สื่อและเทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน
การประเมิน (Evaluation)
Self : จดบันทึกตามความรู้ที่ได้รับ และร่วมตอบคำถามในชั้นเรียน
Friends : ร่วมกันตอบคำถาม สนใจในบทเรียน ให้ความร่วมมือเมื่ออาจารย์ถามคำถาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น