วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 7




บันทึกอนุทินครั้งที่ 7
รายวิชา : (EAED3214) การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
                Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
ผู้สอน : อาจารย์ ตฤณ แจ่มถิน
เมื่อวันที่ 09 มีนาคม  พ.ศ. 2559 
เวลา 08.30 - 12.30 น.


ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ


8. เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ (Children with Behavioral and Emotional Disorders)


            •  มีความรู้สึกนึกคิดที่ผิดไปจากปกติ
            •  แสดงออกถึงความต้องการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
            •  มีความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ
            •  เด็กที่มีการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกตินาน ๆ ไม่ได้
            •  เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตนเองไม่ได้
            •  ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย

       ลักษณะของเด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์

              •  ความวิตกกังวล (Anxiety) ซึ่งทำให้เด็กมีนิสัยขี้กลัว
              •  ภาวะซึมเศร้า (Depression) มีความเศร้าในระดับที่สูงเกินไป
              •  ปัญหาทางสุขภาพ และขาดแรงกระตุ้นหรือความหวังในชีวิต

       การจำแนกเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ ตามกลุ่มอาการ

              ด้านความประพฤติ (Conduct Disorders)
                     •  ทำร้ายผู้อื่น ทำลายสิ่งของ ลักทรัพย์
                     •  ฉุนเฉียวง่าย หุนหันพลันแล่น และเกรี้ยวกราด
                     •  กลับกลอก เชื่อถือไม่ได้ ชอบโกหก ชอบโทษผู้อื่น
                     •  เอะอะและหยาบคาย
                     •  หนีเรียน รวมถึงหนีออกจากบ้าน
                     •  ใช้สารเสพติด
                     • หมกมุ่นในกิจกรรมทางเพศ
               ด้านความตั้งใจและสมาธิ (Attention and Concentration)
                     •  จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระยะสั้น (Short attention span) อาจไม่เกิน 20 วินาที
                     •  ถูกสิ่งต่างๆ รอบตัวดึงความสนใจได้ตลอดเวลา
                     •  งัวเงีย ไม่แสดงความสนใจใดๆ รวมถึงมีท่าทางเหมือนไม่ฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูด

               สมาธิสั้น (Attention Deficit)
                     •  มีลักษณะกระวนกระวาย ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้ หยุกหยิกไปมา
                     •  พูดคุยตลอดเวลา มักรบกวนหรือเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น
                     •  มีทักษะการจัดการในระดับต่ำ

               การถอนตัวหรือล้มเลิก (Withdrawal)
                     •  หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และมักรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น
                     •  เฉื่อยชา และมีลักษณะคล้ายเหนื่อยตลอดเวลา
                     •  ขาดความมั่นใจ ขี้อาย ขี้กลัว ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก


               ความผิดปกติในการทำงานของร่างกาย (Function Disorder)
                     •  ความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน (Eating Disorder)
                     •  การอาเจียนโดยสมัครใจ (Voluntary Regurgitation)
                     •  การปฏิเสธที่จะรับประทาน
                     •  รับประทานสิ่งที่รับประทานไม่ได้
                     •  โรคอ้วน (Obesity)
                     •  ความผิดปกติของการขับถ่ายทั้งอุจจาระและปัสสาวะ (Elimination Disorder)


      ภาวะความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ระดับรุนแรง                •  ขาดเหตุผลในการคิด
                •  อาการหลงผิด (Delusion)
                •  อาการประสาทหลอน (Hallucination)
                •  พฤติกรรมการทำร้ายตัวเอง

      สาเหตุ
                •  ปัจจัยทางชีวภาพ (Biology)
                •  ปัจจัยทางจิตสังคม (Psychosocial)

      ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเด็ก                •  ไม่สามารถเรียนหนังสือได้เช่นเด็กปกติ
                •  รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือกับครูไม่ได้
                •  มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน
                •  มีความคับข้องใจ มีความเก็บกดอารมณ์
                •  แสดงอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
                •  มีความหวาดกลัว

เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก
          •  เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit and Hyperactivity Disorders)
          •  เด็กออทิสติก (Autistic) หรือ ออทิสซึ่ม (Autisum)

เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit Hyperactivity) หรือ ADHD
      ADHD เป็นภาวะผิดปกติทางจิตเวช มีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประการ คือ                 •  Inattentiveness
                 •  Hyperactivity
                 •  Impulsiveness

       Inattentiveness (สมาธิสั้น)             •  ทำอะไรได้ไม่นาน วอกแวก ไม่มีสมาธิ
             •  ไม่สามารถจดจ่อกับงานที่กำลังทำได้นานเพียงพอ
             •  มักใจลอยหรือเหม่อลอยง่าย
             •  เด็กเล็กๆจะเล่นอะไรได้ไม่นาน เปลี่ยนของเล่นไปเรื่อยๆ
             •  เด็กโตมักทำงานไม่เสร็จตามที่สั่ง ทำงานตกหล่น ไม่ครบ ไม่ละเอียด

      Hyperactivity (ซนอยู่ไม่นิ่ง)             •  ซุกซนไม่ยอมอยู่นิ่ง ซนมาก
             •  เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
             •  เหลียวซ้ายแลขวา
             •  ยุกยิก แกะโน่นเกานี่
             •  อยู่ไม่สุข ปีนป่าย
             •  นั่งไม่ติดที่
             •  ชอบคุยส่งเสียงดังรบกวนคนรอบข้าง

      Impulsiveness (หุนหันพลันแล่น)              •  ยับยั้งตัวเองไม่ค่อยได้ มักทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด วู่วาม
             •  ขาดความยับยั้งชั่งใจ
             •  ไม่อดทนต่อการรอคอย หรือกฎระเบียบ
             •  ไม่อยู่ในกติกา
             •  ทำอะไรค่อนข้างรุนแรง
             •  พูดโพล่ง ทะลุกลางปล้อง
             •  ไม่รอคอยให้คนอื่นพูดจบก่อน ชอบมาสอดแทรกเวลาคนอื่นคุยกัน

             สาเหตุ
                    •  ความผิดปกติของสารเคมีบางชนิดในสมอง เช่น โดปามีน (dopamine) นอร์อิพิเนฟริน (norepinephrine)
                    •  ความผิดปกติในการทำงานของวงจรที่ควบคุมสมาธิ และการตื่นตัว อยู่ที่สมองส่วนหน้า (frontal cortex)
                    •  พันธุกรรม
                    •  สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ

              ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสมาธิสั้น
                     •  สมาธิสั้น ไม่ได้เกิดจากความผิดของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกผิดวิธี ตามใจมากเกินไป หรือปล่อยปละละเลยจนเกินไป และไม่ใช่ความผิดของเด็กที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แต่ปัญหาอยู่ที่การทำงานของสมองที่ควบคุมเรื่องสมาธิของเด็ก


      ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์              •  อุจจาระ ปัสสาวะรดเสื้อผ้า หรือที่นอน
              •  ยังติดขวดนม หรือตุ๊กตา และของใช้ในวัยทารก
              •  ดูดนิ้ว กัดเล็บ
              •  หงอยเหงาเศร้าซึม การหนีสังคม
              •  เรียกร้องความสนใจ
              •  อารมณ์หวั่นไหวง่ายต่อสิ่งเร้า
              •  ขี้อิจฉาริษยา ก้าวร้าว
              •  ฝันกลางวัน
              •  พูดเพ้อเจ้อ


9. เด็กพิการซ้อน (Children with Multiple Handicaps)
 
          •  เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่าหนึ่งอย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก
          •  เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน
          •  เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด
          •  เด็กที่ทั้งหูหนวกและตาบอด


ทักษะ (Skills)

           -  การสังเคราะห์ข้อมูลความรู้
           -  การคิดและวิเคราะห์
           - การตั้งคำถามและตอบคำถาม
           - ประเมินความรู้ที่ได้รับ

การประยุกต์ใช้ (Application)

          หากอนาคตได้มีโอกาสสอนเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ก็จะนำความรู้ในครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนรู้ให้เหมาสมตามวัยของเด็กได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพที่สุด

เทคนิคการสอน (Technical Education)

          -  อาจารย์ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการจัดการเรียนกาารสอน
          -  อาจารย์ใช้คำถาม ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อการกระตุ้นให้เด็กเกิดการตื่นตัวอยู่เสมอ
          -  ใช้สื่อและเทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน

การประเมิน (Evaluation)

Self  :  จดบันทึกตามความรู้ที่ได้รับ และร่วมตอบคำถามในชั้นเรียน

Friends  : ร่วมกันตอบคำถาม สนใจในบทเรียน  ให้ความร่วมมือเมื่ออาจารย์ถามคำถาม

Teacher  : สอนตรงประเด็นการศึกษา และเข้าใจง่าย ตรงต่อเวลา เตรียมความพร้อมสำหรับแผนการสอนมาล่วงเป็นอย่างดี




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น