วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 11




บันทึกอนุทินครั้งที่ 11
รายวิชา : (EAED3214) การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
                Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
ผู้สอน : อาจารย์ ตฤณ แจ่มถิน
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม  พ.ศ. 2559
เวลา 08.30 - 12.30 น.




การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ



      •  เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน
      •  ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด
      •  เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach)

   1. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา

       
•  เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
       •  เกิดผลดีในระยะยาว
       •  เน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆแทนการฝึกแต่เพียงทักษะทางวิชาการ
       •  แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program; IEP)
       •  โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน 

   2.การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม

      •  การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน (Activity of Daily Living Training)
      •  การฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
      •  การสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Story)

   3. การบำบัดทางเลือก

      •  การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
      •  ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
      •  ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
      •  การฝังเข็ม (Acupuncture)
      •  การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)

การสื่อความหมายทดแทน (Augmentative and Alternative Communication ; AAC)

      •  การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)
      •  โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร (Picture Exchange Communication System; PECS)
      •  เครื่องโอภา (Communication Devices)
      •  โปรแกรมปราศรัย

          Picture Exchange Communication System (PECS)




บทบาทของครู

      •  ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
      •  ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
      •  จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
      •  ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง

การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ

1. ทักษะทางสังคม

      •  เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
      •  การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข

           กิจกรรมการเล่น 
               •  การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
               •  เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
               •  ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง 
           ยุทธศาสตร์การสอน

               •  เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
               •  ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
               •  จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
               •  ครูจดบันทึก
               •  ทำแผน IEP  

           การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง

               •  วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
               •  คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
               •  ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
               •  เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน “ครู” ให้เด็กพิเศษ

         ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น

               •  อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
               •  ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
               •  ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
               •  เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น
               •  ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม

         การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น

              •  ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
              •  ทำโดย “การพูดนำของครู”

         ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์

              •  ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
              •  การให้โอกาสเด็ก
              •  เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
              •  ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง

2. ทักษะภาษา

     การวัดความสามารถทางภาษา

           •  เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
           •  ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
           •  ถามหาสิ่งต่างๆไหม
           •  บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
           •  ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม

      การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด

           •  การพูดตกหล่น
           •  การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
           •  ติดอ่าง  

      การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่

           •  ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
           •  ห้ามบอกเด็กว่า “พูดช้าๆ” “ตามสบาย” “คิดก่อนพูด”
           •  อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
           •  อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
           •  ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน

      ทักษะพื้นฐานทางภาษา

          •  ทักษะการรับรู้ภาษา
          •  การแสดงออกทางภาษา
          •  การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด

      พฤติกรรมตอบสนองการแสดงออกทางภาษา


      พฤติกรรมเริ่มการแสดงออกของเด็ก



      ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย


             •  การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา
             •  ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด
             •  ให้เวลาเด็กได้พูด
             •  คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น)
             •  เป็นผู้ฟังที่ดีและโตต้อบอย่างฉับไว (ครูไม่พูดมากเกินไป)
             •  เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
             •  ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
             •  กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า)
             •  เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
             •  ใช้คำถามปลายเปิด
             •  เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
             •  ร่วมกิจกรรมกับเด็ก  

การสอนตามเหตุการณ์ (Incidental Teaching)



3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง

                                    เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด
                                                            การกินอยู่
                                                        การเข้าห้องน้ำ
                                                           การแต่งตัว
                                          กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน


      การสร้างความอิสระ

           •  เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
           •  อยากทำงานตามความสามารถ
           •  เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน เด็กที่โตกว่า และผู้ใหญ่

      ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ

           •  การได้ทำด้วยตนเอง
           •  เชื่อมั่นในตนเอง
           •  เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี

      หัดให้เด็กทำเอง  

          •  ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น (ใจแข็ง)
          •  ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
          •  ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ
          •  “ หนูทำช้า ” “ หนูยังทำไม่ได้ ”

      จะช่วยเมื่อไหร่

          •  เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร , หงุดหงิด , เบื่อ , ไม่ค่อยสบาย
          •  หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
          •  เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้ แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
          •  มักช่วยเด็กในช่วงกิจกรรม

      ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 2-3 ปี)


      ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 3-4 ปี)



      ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 4-5 ปี)


      ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 5-6 ปี)


      ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง

            •  แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
            •  ย่อยงาน
            •  เรียงลำดับตามขั้นตอน

      การเข้าส้วม

           •  เข้าไปในห้องส้วม
           •  ดึงกางเกงลงมา
           •  ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
           •  ปัสสาวะหรืออุจจาระ
           •  ใช้กระดาษชำระเช็ดก้น
           •  ทิ้งกระดาษชำระในตะกร้า
           •  กดชักโครกหรือตักน้ำราด
           •  ดึงกางเกงขึ้น
           •  ล้างมือ
           •  เช็ดมือ
           •  เดินออกจากห้องส้วม

      การวางแผนทีละขั้น

            •  แยกกิจกรรมเป็นขั้นย่อยๆให้มากที่สุด



      สรุป

      •  ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
      •  ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ
      •  ความสำเร็จขั้นเล็กๆนำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล
      •  ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง
      •  เด็กพึ่งตนเองได้ รู้สึกเป็นอิสระ

4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน

      เป้าหมาย

           •  การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้
           •  มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
           •  เด็กรู้สึกว่า “ฉันทำได้”
           •  พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น
           •  อยากสำรวจ อยากทดลอง

      ช่วงความสนใจ

           •  ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
           •  จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร

      การเลียนแบบ 
              การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ
                   •  เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
                   •  เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
                   •  คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่

              การรับรู้ การเคลื่อนไหว 

                                                      •  ได้ยิน เห็น สัมผัส ลิ้มรส กลิ่น 
          
                                                        •  ตอบสนองอย่างเหมาะสม

      การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก

            •  การกรอกน้ำ ตวงน้ำ
            •  ต่อบล็อก
            •  ศิลปะ
            •  มุมบ้าน
            •  ช่วยเหลือตนเอง

      ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ

            •  ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่
            •  รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก

      ความจำ
           •  จากการสนทนา
           •  เมื่อเช้าหนูทานอะไร
           •  แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
           •  จำตัวละครในนิทาน
           •  จำชื่อครู เพื่อน
           •  เล่นเกมทายของที่หายไป

      การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ

           •  จัดกลุ่มเด็ก
           •  เริ่มต้นเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ
           •  ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน
           •  ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
           •  ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
           •  ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
           •  บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
           •  รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
           •  มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
           •  เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง


ทักษะ (Skills)

           -  การสังเคราะห์ข้อมูลความรู้
           -  การคิดและวิเคราะห์
           - การตั้งคำถามและตอบคำถาม
           - ประเมินความรู้ที่ได้รับ

การประยุกต์ใช้ (Application)

          การเรียนในครั้งนี้สามารถนำไปใช้ได้ในอนาคตเพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมอันพึงประสงค์ให้แก้เด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ เสริมสร้างให้เขาเป็นบุลคลที่ไม่เป็นภาระของสังคม และช่วยเหลือตัวเองได้
เทคนิคการสอน (Technical Education)

          -  อาจารย์ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการจัดการเรียนกาารสอน
          -  อาจารย์ใช้คำถาม ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อการกระตุ้นให้เด็กเกิดการตื่นตัวอยู่เสมอ
          -  ใช้สื่อและเทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน

การประเมิน (Evaluation)

Self  :  จดบันทึกตามความรู้ที่ได้รับ และร่วมตอบคำถามในชั้นเรียน

Friends  : ร่วมกันตอบคำถาม สนใจในบทเรียน  ให้ความร่วมมือเมื่ออาจารย์ถามคำถาม

Teacher  : สอนตรงประเด็นการศึกษา และเข้าใจง่าย ตรงต่อเวลา เตรียมความพร้อมสำหรับแผนการสอนมาล่วงเป็นอย่างดี




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น