บันทึกอนุทินครั้งที่ 4
รายวิชา : (EAED3214) การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
ผู้สอน : อาจารย์ ตฤณ แจ่มถิน
เมื่อวันที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
เวลา 08.30 - 12.30 น.
ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด
หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
1. ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง (Articulator Disorders)
• เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"
• ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน" กวาด ฟาด
• เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
2. ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)
• พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
• การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
• อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
• จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
• เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย
• ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน" กวาด ฟาด
• เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
2. ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)
• พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
• การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
• อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
• จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
• เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย
• เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง "แล้ว" เป็น "แล่ว"
3. ความบกพร่องของเสียงพูด (Voice Disorders)
• ความบกพร่องของระดับเสียง
• เสียงดังหรือค่อยเกินไป
• คุณภาพของเสียงไม่ดี
• เสียงดังหรือค่อยเกินไป
• คุณภาพของเสียงไม่ดี
ความบกพร่องทางภาษา
หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมายของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้
1. การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย (Delayed Language)
• มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
• มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
• ไม่สามารถสร้างประโยคได้
• มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
• มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
• มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
• ไม่สามารถสร้างประโยคได้
• มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
• ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ
2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า Dysphasia หรือ aphasia
• อ่านไม่ออก (alexia)
• เขียนไม่ได้ (agraphia)
• สะกดคำไม่ได้
• ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
• จำคำหรือประโยคไม่ได้
• ไม่เข้าใจคำสั่ง
• พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้
• อ่านไม่ออก (alexia)
• เขียนไม่ได้ (agraphia)
• สะกดคำไม่ได้
• ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
• จำคำหรือประโยคไม่ได้
• ไม่เข้าใจคำสั่ง
• พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้
Gerstmann's Syndrome
ไม่รู้ชื่อนิ้ว (finger agnosia)
ไม่รู้ซ้ายขวา (allochiria)
คำนวณไม่ได้ (acalculia)
เขียนไม่ได้ (agraphia)
อ่านไม่ออก (alexia)
ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา
• ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบา ๆ และอ่อนแรง
• ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน
• ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ
• หลัง 3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
• ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
• หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา
• มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
• ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
• ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน
• ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ
• หลัง 3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
• ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
• หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา
• มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
• ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
5. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ (Children with Physical and Health Impairments)
• อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
• เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
• มีปัญหาทางระบบประสาท
• มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
โรคลมชัก (Epilepsy)
• เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมอง
• มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน
• เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู
3.อาการชักแบบ (Partial Complex)• มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน
1. การชักในช่วงเวลาสั้นๆ (Petit Mal)
• อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
• มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
• เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
• เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)• มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
• เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
• เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
• เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู
• มีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาที
• เหม่อนิ่ง
• เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคำพูด
• หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
• เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
5.ลมบ้าหมู (Grand Mal)
• เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐานในกรณีเด็กมีอาการชัก
• จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง • ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
• หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
• ดูดน้ำลาย เสมหะ เศษอาหารออกจาปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
• จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
• ห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
• ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ
ซี.พี. (Cerebral Palsy)
• การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของสมองแตกต่างกัน
1. กลุ่มแข็งเกร็ง (Spastic)
• spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก • spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
• spastic paraplegia อัมพาตครึ่งท่อนล่าง
• spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว
• athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ เด็กบางรายอาจมีคอเอียง ปากเบี้ยวร่วมด้วย
• ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
3. กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
• เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เสื่อมสลายตัว
• เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
• จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
• มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
• ท่าเดินคล้ายกรรไกร
• เดินขากะเผลก หรืออึดอาดเชื่องช้า
• ไอเสียงแห้งบ่อย ๆ
• มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
• หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
• หกล้มบ่อย ๆ
ทักษะ (Skills)
• ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
3. กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
• เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เสื่อมสลายตัว
• เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
• จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic)
ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
• ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection) เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง เศษกระดูกผุ
• กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
โปลิโอ (Poliomyelitis)
• มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
• ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
โรคระบบทางเดินหายใจ
โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus )
โรคหัวใจ (Cardiac Conditions)
โรคมะเร็ง (Cancer)
เลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)
• กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
โปลิโอ (Poliomyelitis)
• ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
โรคระบบทางเดินหายใจ
โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus )
โรคหัวใจ (Cardiac Conditions)
โรคมะเร็ง (Cancer)
เลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)
แขนขาด้วนแต่กำเนิด (Limb Deficiency)
ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
• มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
• ท่าเดินคล้ายกรรไกร
• เดินขากะเผลก หรืออึดอาดเชื่องช้า
• ไอเสียงแห้งบ่อย ๆ
• มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
• หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
• หกล้มบ่อย ๆ
ทักษะ (Skills)
- การสังเคราะห์ข้อมูลความรู้
- การคิดและวิเคราะห์
- การตั้งคำถามและตอบคำถาม
การประยุกต์ใช้ (Application)
หากอนาคตได้มีโอกาสสอนเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ก็จะนำความรู้ในครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนรู้ให้เหมาสมตามวัยของเด็กได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพที่สุด
เทคนิคการสอน (Technical Education)
- อาจารย์ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการจัดการเรียนกาารสอน
- อาจารย์ใช้คำถาม ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อการกระตุ้นให้เด็กเกิดการตื่นตัวอยู่เสมอ
การประเมิน (Evaluation)
Self : จดบันทึกตามความรู้ที่ได้รับ และร่วมตอบคำถาม
Friends : ร่วมกันตอบคำถาม สนใจในบทเรียน ไม่กดดัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น